"facebook-domain-verification" content="qrak1x88p9zbe381cfhnnrlfj3rq9v" />
สารสกัดหญ้าหวาน หรือสเตเวีย คือสารให้ความหวานจากธรรมชาติ 100% ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ใช้ละลายในน้ำร้อนเพื่อใช้แทนน้ำเชื่อมได้เลย สารหวานที่ชื่อว่า Stevioside สกัดได้จากใบหญ้าหวานซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำตาลในกระแสเลือด ผู้ที่ลดน้ำหนัก งดน้ำตาล
หมวดหมู่ : Stevia products , 
Share
สารสกัดหญ้าหวานชนิดนี้ ประกอบด้วย Stevioside ที่สกัดได้จากใบหญ้าหวาน 4.5% และมอลทิทอลที่สกัดจากข้าวโพด 95.5% เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้ปรุงอาหารจานหลัก หรือของหวาน ได้อย่างลงตัว ทางร้านสายฮีลเอง ใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ในการประกอบอาหารไขมันต่ำเช่นเดียวกัน
หลายท่านถามเข้ามาถึงสารสกัดหญ้าหวาน 100% ไม่มีสารอื่นเจือปน ทางเราขอชี้แจงว่า ต้นทุนการสกัดสารสเติเวียนั้น ค่อนข้างสูง ทำให้ราคาสารสกัด 100% สูงมากจนเกินไป 1 กิโลเกือบหมื่นบาท หากเราต้องบริโภคเป็นประจำทุกวัน จะทำให้ค่าครองชีพสูงมาก เราจึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดอื่นประกอบกัน แต่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติร้อยเปอร์เซนต์ และได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้วเท่านั้น
-------------------------------------------------
สารสกัดหญ้าหวานชนิดผง
ผลิตโดย บริษัท กรีนฟู้ดส์ เอเชีย จำกัด
เลขจดแจ้ง อย. 1010595010006
จัดจำหน่ายโดย บริษัท สายฮีล ฮิสทรี่ จำกัด
-------------------------------------------------
โทษของการบริโภคน้ำตาล "น้ำตาล" คือวายร้ายทำลายสุขภาพอย่างที่เราไม่เคยทราบมาก่อน โทษของน้ำตาลมีอะไรกันบ้างมาดูกัน
- ทำให้เกิดไขมันสะสมในร่างกาย เนื่องจากฟรุคโตส (Fructose) เป็นส่วนประกอบสำคัญของน้ำตาลทราย น้ำเชื่อมข้าวโพด ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ตับสะสมไขมันไว้ตามอวัยวะต่าง ๆ เมื่อเวลาผ่านไป อาจทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคตับได้ในอนาคต
- เป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน จากการศึกษาขององค์กร PLOS ONE พบว่า ในทุก ๆ 150 แคลอรี่จากน้ำตาลที่คนได้รับเพิ่มขึ้น สามารถก่อให้เกิดโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น 1.1% ดังนั้น ควรบริโภคในระดับที่พอเหมาะ พอดี เท่านั้น อีกทั้งน้ำตาลยังเป็นสาเหตุของโรคเบาหวานชนิดที่ 3 ซึ่งเป็นภาวะที่ดื้อต่ออินซูลินกับอาหารที่มีไขมันสูง และโรคอัลไซเมอร์
- เป็นสาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือด สมาคมโรคเบาหวาน USA เปิดเผยว่า น้ำตาลก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ โดยพบว่า โรคหัวใจเป็นสาเหตุการตายอันดับต้น ๆ ในผู้ป่วยโรคเบากหวาน ซึ่งคิดเป็น 65% เลยทีเดียว
- การไหลเวียนของโลหิตปั่นป่วน เกิดจากการบริโภคน้ำตาลมากจนเกินไป ทำให้อินซูลินในร่างกายผลิตออกมามากเกินไป จนตกค้างอยู่ในกระแสเลือด ซึ่งมีผลต่อระบบการไหลเวียนเลือด ซึ่งถ้าเป็นเรื้องรังก็จะส่งผลให้เซลล์กล้ามเนื้อบริเวณรอบ ๆ หลอดเลือดเจริญขึ้นกว่าปกติ ทำให้การไหลเวียนของโลหิตปั่นป่วน จนเป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง
- เพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี จากการศึกษาที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ The American of Medical Association พบว่า ผู้ที่บริโภคน้ำตาลมากจะมีระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี และไขมันอันตรายอย่างไตรกลีเซอไรด์ในระดับสูงกว่าคนที่บริโภคน้อย สาเหตุเพราะน้ำตาลช่วยกระตุ้นให้ตับผลิตคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีมากขึ้น และยับยั้งการกำจัดคอเลสเตอรอลชนิดนี้ออกจากร่างกายอีกด้วย
- ทำให้เกิดการเสพติด น้ำตาลเปรียบเสมือนยาเสพติดที่มีรสหวาน ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วสมองจะหลั่งสารความสุขที่เรียกว่า โอปิออยด์ (Opioid) และโดพามีน (Dopamine) ออกมา ซึ่งเป็นสารที่ได้รับการกระตุ้นเช่นเดียวกับการเสพยาเสพติด โดยมีการทดลองแล้วว่า หนูที่เสพติดน้ำตาล เมื่อเกิดความอยากน้ำตาลจะมีอาการปากสั่น ตัวสั่น วิตกกังวล เหมือนกับเวลาที่ต้องการยาเสพติด
- ทำให้คุณกินไม่หยุด เนื่องจากน้ำตาลทำให้คุณรู้สึกหิวได้ จากการวิจัยแสดงให้เห็นว่าการรับประทานน้ำตาลมากเกินไปจะทำให้คุณรู้สึกหิวมากขึ้น และไม่รู้สึกอิ่ม เพราะน้ำตาลทำให้ฮอร์โมนเลปติน ที่จะหลั่งออกมาเมื่อรู้สึกอิ่ม ลดน้อยลง
- ทำให้อยากกินของหวานมากขึ้น สาเหตุหนึ่งมาจากความเชื่อที่ว่า น้ำตาลช่วยให้กระชุ่มกระชวย ซึ่งผิดมหันต์ เพราะน้ำตาลจะทำให้มีแรงเพิ่มขึ้นได้เพียง 30 นาที และจะทำให้มีความรู้สึกต้องการเพิ่มอีก ซึ่งมีการค้นพบว่าน้ำตาลทำให้เกิดการหลั่งสารเซโรโทนินมากขึ้น ซึ่งทำให้รู้สึกง่วงนอนแทนมีแรงด้วยซ้ำ
- ทำให้อารมณ์แปรปรวน จากการศึกษาที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Public Health Journal พบว่า ผู้ที่รับประทานอาหารน้ำตาลและอาหาร Junk Food ติดต่อกัน 6 ปี เกือบ 40% มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเป็นโรคซึมเศร้า เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับประทานเลย
- ทำให้ผิวพรรณเหี่ยวย่น น้ำตาลเมื่อเข้าสู่กระแสเลือดแล้วก็จะไปเกาะหรือไปจับกับเส้นใยโปรตีนในร่างกาย แล้วเปลี่ยนเป็นโมเลกุลใหม่ที่ชื่อ AGEs ซึ่งโมเลกุลนี้ จะไปทำลายโปรตีนคอลลาเจนและอิลาสติก ซึ่งทำให้ผิวกระชับและมีความยืดหยุ่น ซึ่งทำให้ผิวเหี่ยวย่นและหย่อนคล้อยก่อนวัยอันควร
อ้างอิง : บทความเรื่อง น้ำตาล จอมวายร้ายทำลายสุขภาพ
: https://health.kapook.com/view98727.html